แจ็คไมค์ (Microphone)

Plug และ Jack ไมโครโฟน (Microphone)

แจ็คไมค์ หรือ หัวแจ็คไมโครโฟน เป็นหัวต่อที่ใช้สำหรับเชื่อมต่อไมโครโฟนกับอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น มิกเซอร์ (Mixer), อินเตอร์เฟซเสียง (Audio Interface), หรือเครื่องขยายเสียง (Amplifier) เพื่อส่งสัญญาณเสียงจากไมโครโฟนไปยังระบบเสียงโดยมีคุณภาพสูงและลดสัญญาณรบกวน (Noise)

ปลั๊กไมค์ MONO LIDGE

  • ปลั๊กไมค์ MONO
  • ยี้ห้อ LIDGE รุ่น YM201D
  • ขนาด 6.35 mm.
  • สำหรับบัดกรีสาย
  • ราคาปลีก 38.00 บาท/ตัว
  • ราคาส่ง 31.00 บาท/ตัว
  • (ส่ง 12 ตัวขึ้นไป)

ปลั๊กไมค์ MONO เหล็ก ท้ายยาง

  • ปลั๊กไมค์ MONO ท้ายยาง
  • ขนาด 6.35 mm.
  • สำหรับบัดกรีสาย
  • ราคาปลีก 25.00 บาท/ตัว
  • ราคาส่ง 20.00 บาท/ตัว
  • (ส่ง 12 ตัวขึ้นไป)

ปลั๊กไมค์ MONO แบบเหล็ก

  • ปลั๊กไมค์ MONO แบบเหล็ก
  • ขนาด 6.35 mm.
  • สำหรับบัดกรีสาย
  • ราคาปลีก 10.00 บาท/ตัว
  • ราคาส่ง 6.00 บาท/ตัว
  • (ส่ง 12 ตัวขึ้นไป)

ปลั๊กไมค์งอ MONO

  • ปลั๊กไมค์ท้ายยาง MONO
  • ขนาด 6.35 mm. แบบงอ
  • สำหรับบัดกรีสาย
  • ราคาปลีก 29.00 บาท/ตัว
  • ราคาส่ง 24.00 บาท/ตัว
  • (ส่ง 12 ตัวขึ้นไป)

แจ็คไมค์ MONO ติดแท่น

  • แจ๊คไมค์ตัวเมีย MONO
  • ขนาด 6.35 mm.
  • สำหรับติดแท่น
  • เจาะช่องติดแท่นกลม 8 ม.ม
  • ราคาปลีก 10.00 บาท/ตัว
  • ราคาส่ง 6.50 บาท/ตัว
  • (ส่ง 12 ตัวขึ้นไป)

แจ็คไมค์ลงปริ้นท์ 3ขา

  • แจ๊คไมค์ตัวเมีย MONO
  • ขนาด 6.35 mm.
  • สำหรับลงปริ้นท์ 3 ขา
  • หรือเจาะช่องติดแท่นกลม 10 ม.ม
  • ราคาปลีก 8.00 บาท/ตัว
  • ราคาส่ง 6.00 บาท/ตัว
  • (ส่ง 12 ตัวขึ้นไป)

แจ็คไมค์ลงปริ้นท์ 6ขา

  • แจ๊คไมค์ตัวเมีย MONO
  • สำหรับลงปริ้นท์ 6 ขา
  • หรือเจาะช่องติดแท่นกลม 10 ม.ม
  • ราคาปลีก 18.00 บาท/ตัว
  • ราคาส่ง 12.00 บาท/ตัว
  • (ส่ง 12 ตัวขึ้นไป)

แจ็คไมค์มีหลายประเภท ซึ่งแต่ละแบบถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน เช่น การใช้งานในสตูดิโอ งานแสดงสด หรือระบบเสียงในอุปกรณ์ทั่วไป

ประเภทของแจ็คไมค์ที่พบได้บ่อย

 1. แจ็ค XLR (XLR Connector)
 • ลักษณะ:
แจ็คแบบกลม มีขั้วต่อภายใน 3 ขา (หรือมากกว่าในบางรุ่น) พร้อมระบบล็อกที่แน่นหนา
 • การใช้งาน:
ใช้ในงานมืออาชีพ เช่น ไมโครโฟนคอนเดนเซอร์ (Condenser Microphone) และไมโครโฟนไดนามิก (Dynamic Microphone)
 • ข้อดี:
 • ส่งสัญญาณแบบ Balanced ช่วยลดสัญญาณรบกวน
 • แข็งแรงและทนทาน
 • รองรับการใช้งานสายยาว
 2. แจ็ค TRS (Tip-Ring-Sleeve) หรือแจ็ค 6.35 มม. (1/4 นิ้ว)
 • ลักษณะ:
หัวแจ็คแบบยาว มีขนาด 6.35 มม. (หรือ 1/4 นิ้ว) มี 2 หรือ 3 ขั้วต่อ
 • การใช้งาน:
ใช้กับไมโครโฟนบางรุ่นและเครื่องดนตรี เช่น กีตาร์ไฟฟ้าหรือคีย์บอร์ด
 • ข้อดี:
 • มีทั้งแบบ Mono และ Stereo
 • ใช้งานง่ายและเชื่อมต่อได้สะดวก
 3. แจ็ค TRRS (Tip-Ring-Ring-Sleeve)
 • ลักษณะ:
คล้ายกับแจ็ค TRS แต่มีขั้วต่อเพิ่มอีก 1 ขา
 • การใช้งาน:
ใช้กับไมโครโฟนที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์บันทึกเสียงแบบพกพา
 • ข้อดี:
รองรับการส่งสัญญาณเสียงและไมค์พร้อมกัน
 4. แจ็ค Mini-XLR
 • ลักษณะ:
ขนาดเล็กกว่าหัวแจ็ค XLR มาตรฐาน มักมี 3 ขาหรือมากกว่า
 • การใช้งาน:
ใช้กับไมโครโฟนแบบ Lavalier (ไมค์ติดปกเสื้อ) และไมค์ไร้สาย
 • ข้อดี:
 • ขนาดกะทัดรัด
 • ใช้กับอุปกรณ์พกพาได้สะดวก

การเลือกแจ็คไมค์ที่เหมาะสม

 1. ตรวจสอบประเภทไมโครโฟน:
 • ไมโครโฟนไดนามิกและคอนเดนเซอร์มักใช้หัวแจ็ค XLR
 • ไมโครโฟนแบบ Lavalier อาจใช้ Mini-XLR หรือ TRRS
 2. พิจารณาอุปกรณ์ที่ใช้งานร่วมกัน:
เลือกแจ็คไมค์ที่เข้ากันได้กับพอร์ตเชื่อมต่อของอุปกรณ์ เช่น มิกเซอร์หรือเครื่องบันทึกเสียง
 3. ความยาวสายและการลดสัญญาณรบกวน:
หากต้องการใช้งานสายยาว ควรเลือกแจ็คแบบ XLR เพราะส่งสัญญาณแบบ Balanced ลดปัญหาเสียงรบกวนได้ดี
 4. ความทนทาน:
สำหรับงานภาคสนามหรืองานแสดงสด ควรเลือกแจ็คที่ทำจากวัสดุคุณภาพสูง เช่น โลหะ

การดูแลรักษาแจ็คไมค์

 1. ทำความสะอาดหัวแจ็คอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันฝุ่นหรือคราบที่อาจทำให้สัญญาณขาดหาย
 2. หลีกเลี่ยงการดึงสายไฟโดยตรง เพราะอาจทำให้หัวแจ็คหลวม
 3. จัดเก็บสายไมโครโฟนและแจ็คอย่างเป็นระเบียบเพื่อป้องกันสายพันกันหรือชำรุด

สรุป

แจ็คไมค์ เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การส่งสัญญาณเสียงเป็นไปอย่างมีคุณภาพ การเลือกแจ็คไมค์ที่เหมาะสมและใช้งานอย่างถูกวิธีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับงานเสียงของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการบันทึกเสียงในสตูดิโอ การแสดงสด หรือการประชุมออนไลน์